วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555





Chocolate

อะไรที่ขึ้นชื่อด้วย Chocolate คงเป็นที่ชื่นชอบ รู้จักกันทั่วโลก รสชา่ติแตกต่างกันไป 
แล้วแต่ชนิด  ผลที่ได้มา มาจากเมล็ดต้นโกโก้เขตร้อน ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมของ 
ของหวานหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ไอศครีม ลูกอม คุกกี้ เค้ก หรือ พาย นั่นเอง






อุตสาหกรรมช็อคโกแลตได้จำกัดความไว้ว่า
โกโก้ (cocoa) คือเมล็ดของต้นโกโก้
เนยโกโก้ (cocoa butter) คือไขมันที่ได้จากเมล็ดโกโก้
ช็อคโกแลต คือ (chocolate) คือ ส่วนผสมระหว่างเมล็ดโกโก้ และ เนยโกโก้



ประเภทและชนิดของช็อกโกแลต
ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตมีอยู่ 3 ประเภทหลัก ได้แก่
  • ช็อกโกแลตขาว (White Chocolate)
  • ช็อกโกแลตนม (Milk Chocolate)
  • ช็อกโกแลตธรรมดา (Dark Chocolate or Plain Chocolate)



ช็อกโกแลตขาว (White chocolate)
ไม่มีส่วนผสมของโกโก้เหลว แต่ใช้เนยโกโก้แทน มีรสชาติหวานช็อกโกแลตขาวที่มีคุณภาพดีสังเกตได้จากรสชาติและความนุ่ม




ช็อกโกแลตนม (Milk Chocolate)
มีโกโก้เหลว 20% กับนมผงหรือนมก้อน มีกลิ่นและรสอ่อน รสชาติหวาน เป็นช็อกโกแลตที่นิยมกินกันมากที่สุด แต่ไม่เหมาะที่จะใช้สำหรับละลายเพื่อทำอาหาร


ช็อกโกแลตแบบไม่หวาน (Unsweetened Chocolate)
เหมาะสำหรับใช้ทำอาหาร มีโกโก้เหลว 30-70% คุณภาพรสชาติจะดีมากน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณของโกโก้เหลว








ช็อกโกแลตผง (Chocolate powder)
เหมาะสำหรับใช้ทำขนมปังและเครื่องดื่ม มีส่วนผสมของโกโก้เหลวน้อยกว่า แต่รสชาติหวานกว่าโกโก้แบบผง










ช็อกโกแลตชิพ (Chocolate chips)
เป็นช็อกโกแลตชิ้นเล็กๆ รูปร่างและขนาดเท่ากัน มีทั้งที่ทำจากช็อกโกแลตดำ ช็อกโกแลตนม 
และช็อกโกแลตขาว










ช็อกโกแลตออกานิค (Organic chocolate)
เป็นช็อกโกแลตคุณภาพสูง ราคาแพงกว่าชนิดอื่น เพราะมีการควบคุมปริมาณของสารตกค้าง สารพิษ และยาฆ่าแมลงในทุกๆ ขั้นตอนของกระบวนผลิต








ช็อกโกแลตธรรมดา (Dark Chocolate)
มีชื่อเรียกหลายชื่อเช่น continental, luxury, bitter มีปริมาณของโกโก้เหลวสูงประมาณ 75% ใส่น้ำตาลเพียงเล็กน้อยหรือไม่ใส่เลย มีสีดำและรสเข้มข้น เหมาะมากสำหรับใช้เป็นส่วนประกอบในการทำเค้กหรือของหวานต่างๆ



ช็อกโกแลตคูแวร์ตู (Couverture)
มีความมันแวววาวสวยงาม จึงนิยมใช้สำหรับการทำช็อกโกแลตที่ทำด้วยมือ เคลือบลูกกวาดและใช้สำหรับตกแต่งขนมต่างๆ เพราะจะให้ความรู้สึกที่ดีสวยงามน่ากิน







ประโยชน์ของช็อกโกแลต

1. สารประกอบในช็อกโกแลต มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็ง และลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ เพราะมีสารที่ชื่อว่า ฟีโนลิค อยู่ในปริมาณสูง ซี่งเป็นสารซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องการก่อตัวของไขมันในเส้นเลือด ที่สำคัญยังช่วยให้แก่ช้าได้อีกด้วย
2. ช่วยกระตุ้นอารมณ์รัก ช็อกโกแลตทำให้อยากมีเซ็กส์มากขึ้น เพราะในช็อกโกแลตมีสารกระตุ้น ที่มีผลต่อหัวใจ และระบบประสาทเมื่อรับประทานช็อกโกแลต หัวใจจะเต้นแรงขึ้น รู้สึกคึกคัก เล่ากันว่า นักรักชื่อกระฉ่อนโลกอย่างจิอาโคโม คาสซาโนวา (1725-1795) กินช็อกโกแลตก่อนขึ้นเตียงกับผู้หญิงที่หลงเสน่ห์ ด้วยช็อกโกแลตขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารกระตุ้นอารมณ์ใคร่ และผู้หญิงร้อยละ 50 สารภาพว่ากินช็อกโกแลตก่อนเมคเลิฟ
3. ช่วยปรับอารมณ์และจิตใจ ให้เข้าสู่สภาวะปกติ เหมาะมากสำหรับสาวๆ ที่เลือดจะไปลมจะมาทั้งหลาย ฉะนั้น ช็อกโกแลตจึงถือได้ว่า เป็นขนมหวานอันดับหนึ่งสำหรับผู้หญิง ช่วยลดอาการปวดท้อง หงุดหงิด หน้าบวม ตัวบวม ก่อนมีประจำเดือน ช็อกโกแลตมีสารทริพโทฟาน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนสำคัญ ทำหน้าที่ควบคุมเซโรโทนิน สารสื่อประสาทที่ควบคุมอารมณ์ เมื่อร่างกายขับเซโรโทนินออกมาช่วยให้ผ่อนคลายความวิตกกังวลได้ 
4. ช่วยแก้อาการเมาค้าง หรือ hangover ได้ด้วย
5. ป้องกันการเกิดมะเร็ง เพราะพิสูจน์แล้วว่า สารที่พบในช็อกโกแลต เป็นสารชนิดเดียวกันกับ สารที่พบใน ผัก ผลไม้ และไวน์แดง
6. ช่วยลดอาการอักเสบ เวลาเจ็บป่วยต่างๆ มีผลต่อสมอง เพราะช่วยให้ตื่นตัว และยังช่วยให้ กระฉับกระเฉงอีกด้วย งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ทำการศึกษา ในชายอายุระหว่าง 65-84 ปี จำนวนเกือบ 500 คนที่อาศัยในเมือง Zutphen ประเทศเนเธอร์แลนด์ พบว่า 1 ใน 3 ของคนกลุ่มนี้ไม่ได้รับประทานโกโก้ ขณะที่ค่าเฉลี่ยมัธยฐานของกลุ่มของการรับประทานโกโก้จะอยู่ที่ 4.2 กรัมต่อวัน ในจำนวนอาสาสมัครกลุ่มนี้พบว่า ในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2528-2543 มีอาสาสมัครเสียชีวิตลง 314 คน ซึ่งพบว่าคนที่รับประทานโกโก้มากที่สุด มีความเสี่ยงลดลงครึ่งหนึ่งของคนที่ไม่ได้รับประทาน


ช็อคโกแลตมีประโยชน์ต่อหัวใจ

อาสาสมัครจำนวน 30 คนซึ่งไม่สูบบุหรี่และไม่มีประวัติการเป็นโรคหัวใจมาก่อน เข้าทำการทดลอง โดยให้คนทั้งหมดนี้ดื่มน้ำ หรือ เครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน หรือเครื่องดื่มโกโก้ โดยให้ดื่มต่างเวลากันและดื่มทีละชนิด แต่ละครั้งก่อนดื่มจะถูกตรวจเลือดก่อน และตรวจเลือดอีกครั้งหลังการดื่มโดยห่างประมาณ 2 และ 6 ชั่วโมงตามลำดับ
นักวิจัยพบว่า Platelets ในเลือดของร่างกายผู้ที่ดื่มโกโก้มีการจับตัวเป็นก้อนน้อยกว่า ทั้งนี้ Platelets เป็นส่วนประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดง มีหน้าที่ทำให้เลือดจับตัวเป็นลิ่มหรือก้อนเมื่อเราบาดเจ็บ แต่อาจจับตัวกันหนาแน่นเป็นลิ่มเหนียวข้นเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันในร่างกายได้ ซึ่งถ้าเป็นก้อนใหญ่ก็จะทำให้เป็นโรคหัวใจวายกระทันหันได้



# Special For you


























BYE BYE :P
ใครให้ทาย 55555. ?




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น